ถุงใต้ตา (Eye bags) ถือเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ปัญหาที่มาจากพันธุกรรมจนถึงปัญหาที่เกิดจากพฤติกรรมและสภาวะต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน โดยรวมๆ แล้วถุงใต้ตาประกอบด้วย 5 ถุงหลัก คือ เปลือกตาบน 2 ถุง และใต้เปลือกตาล่าง 3 ถุง เมื่อถุงใต้ตาเกิดขึ้นมาแล้ว จะบวมขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยมีถุงกลาง (Middle Fat) และบางส่วนของถุงไขมันที่อยู่ด้านใน (Inner Fat) จะส่งผลให้เพิ่มขนาด ทำให้ผิวหนังบริเวณขอบตาล่างนูนออกมา หรือมีอาการบวมปูด ตุ่ยที่รอบตาล่าง การเกิดถุงใต้ตาไม่จำเป็นต้องขึ้นกับอายุเสมอไป และอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน สำหรับวันนี้สาวๆ และหนุ่มๆ ที่เจอปัญหานี้อยู่! ไม่ต้องกลัวค่ะ วันนี้บทความของเราหาข้อมูลมาให้คุณครบจบหมดแล้วค่ะ พร้อมแล้วมาอ่านต่อกันที่บทความด้านล่างกันเลยดีกว่า
” ลดตาบวม ด้วยมันฝรั่ง บางคนอาจกังวลว่าการใช้มันฝรั่งจริง ๆ สามารถช่วยลดถุงใต้ตาได้หรือไม่! มันฝรั่งมีส่วนสำคัญที่ช่วยลดการบวมและปรับลดถุงใต้ตาได้ดีจริงๆค่ะ เพราะมี วิตามินซีและวิตามินบี นอกจากนี้ มันฝรั่งยังมีสารอาหารอื่น ๆ ที่ช่วยปรับผิวหน้าให้ดูมีสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย วิธีการทำก็ง่ายมากๆ เพียงคุณนำมันฝรั่งดิบมาล้างให้สะอาดและฝานออกมาเป็นแว่น จากนั้นให้นำแว่นมันฝรั่งไปแปะที่ตาของคุณ
Editor’s Talk
และปล่อยไว้ประมาณ 20 นาที จะช่วยลดถุงใต้ตาและลดบวมได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยค่ะ ”
ประเภทของ ถุงใต้ตา มีอะไรบ้าง?
การลดถุงใต้ตามีวิธีแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของถุงใต้ตาที่คุณมี คุณอาจมีถุงใต้ตาเทียมหรือถุงใต้ตาแท้ และวิธีการรักษาจะต่างกันตามสาเหตุดังนี้ค่ะ
- ถุงใต้ตาเทียม: ถุงใต้ตาเทียมเกิดจากสาเหตุหลายประการเช่นปัญหาในระบบการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลืองที่สะสมของไขมันและของเหลวใต้ผิวหนังใต้ตา พฤติกรรมเช่นการขยี้ตาหรือการร้องไห้ สามารถเป็นสาเหตุของถุงใต้ตาเทียมได้ ในกรณีนี้คุณสามารถรักษาได้โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น การนอนหลับให้เพียงพอ การควบคุมความเครียด และการประคบเย็นบริเวณรอบดวงตาเพื่อช่วยลดบวม
- ถุงใต้ตาแท้: ถุงใต้ตาแท้มักเกิดจากพันธุกรรมหรือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระบบต่อมไร้ท่อของร่างกาย นอกจากนี้ อายุเพิ่มที่ขึ้นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ถุงใต้ตาแท้เกิดขึ้นได้ ในกรณีนี้สามารถรักษาโดยการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ได้ค่ะ เช่น การผ่าตัดเพื่อลดขนาดถุงใต้ตา หรือการใช้เทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุ (RF) หรือคลื่นอัลตราซาวด์ (Ultrasound) เพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและยกกระชับผิวหนัง
การป้องกันถุงใต้ตาเบื้องต้นด้วยตัวเอง
ถุงใต้ตาเป็นปัญหาที่หลายคนต้องเผชิญหน้า ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีธรรมชาติโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือรับการรักษาทางการแพทย์ วิธีเหล่านี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีถุงใต้ตาน้อย เนื่องมาจากสาเหตุ เช่น การพักผ่อนน้อย พฤติกรรมไม่ดีต่อผิวหนัง หรือการบริโภคอาหารบางชนิด วิธีลดถุงใต้ตาแบบธรรมชาติมีดังนี้ค่ะ
- ใช้ถุงชาเย็น ถุงชาเป็นวิธีเบสิกที่ช่วยลดอาการบวมและเสริมสร้างความผ่อนคลายในบริเวณรอบดวงตาได้ ใช้ถุงชาที่อุ่น ๆ ประคบบริเวณใต้ตาหรือบนเปลือกตาประมาณ 10 นาที สารแทนนินและคาเฟอีนในชา สามารถช่วยลดอาการบวมได้
- การประคบเย็น ใช้น้ำแข็งหรือผ้าเย็นประคบบริเวณรอบดวงตา เป็นวิธีลดถุงใต้ตาที่มีประสิทธิภาพ ประคบเย็นประมาณ 10 นาทีจะช่วยลดอาการบวมและช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้
- พักผ่อนให้เพียงพอการนอนน้อย จะทำให้เกิดถุงใต้ตาและขอบตาดำ ควรให้ร่างกายพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 8-10 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อลดการตกค้างของน้ำใต้ตาและช่วยให้ผิวหนังดูสดใสขึ้น
- การดูแลผิวหน้าใช้ครีมบำรุงผิวหน้าที่เหมาะกับรูปร่างผิว เช่น ครีมบำรุงใต้ตาที่มีส่วนประกอบที่ช่วยลดอาการบวมและริ้วรอย อย่าลืมใช้ครีมที่มีคุณภาพและใช้อย่างสม่ำเสมอ
- การรักษาพฤติกรรม งดการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้เกิดการบวมน้ำใต้ตาขึ้นได้
- ปรับปรุงพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ดีต่อสุขภาพผิวหนัง เช่น หยุดการร้องไห้หนัก ๆ และลดการใช้สายตาอย่างต่อเนื่อง
วิธีแก้ปัญหาถุงใต้ตาด้วยหัตถการทางการแพทย์
ถุงใต้ตาเป็นปัญหาที่หลายคนต้องเผชิญหน้า และสามารถแก้ไขได้ด้วยหัตถการทางการแพทย์ที่มีความรวดเร็ว เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลา โดยมีวิธีดังนี้ค่ะ
1.การใช้ฟิลเลอร์ใต้ตา การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการทางเครื่องมือที่ใช้สารเติมเต็มเพื่อลดขนาดถุงใต้ตา เพราะสารเติมเต็มจะช่วยทดแทนส่วนที่มีปัญหา ลดถุงใต้ตาและทำให้ดูสดใสขึ้นได้ เป็นวิธีที่รวดเร็วโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้นนาน ผลลัพธ์เห็นได้เลยทันที แต่ควรให้แพทย์ที่มีประสบการณ์แนะนำ ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี
2.Hifu Ultraformer เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นอัลตราซาวด์เพื่อยกกระชับผิวใต้ตา และช่วยลดไขมันบางส่วน การใช้ Hifu Ultraformer จะไม่ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนเท่าการใช้ฟิลเลอร์ แต่เป็นเลือกทางที่ไม่ต้องใช้เข็มและผ่าตัด สามารถทำซ้ำได้เรื่อย ๆ เพื่อคงความยืดหยุ่นของผิว เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่กลัวเจ็บ
3.การผ่าตัดถุงใต้ตา สามารถกำจัดถุงไขมันได้อย่างถาวรถ้าคุณมีถุงใต้ตาเยอะมาก การผ่าตัดอาจจึงเป็นวิธีที่ดีเพราะมันสามารถกำจัดถุงไขมันได้อย่างตรงจุด ผิวหนังบริเวณที่ผ่าจะดูเรียบเนียนขึ้น แต่มีความเสี่ยงเพราะต้องใช้ยาสลบและมีการกรีดถุงไขมันออกมา เป็นกระบวนการที่เสี่ยงต่อความเจ็บปวดและมีแผลจากการกรีดได้ค่ะ และอาจมีภาวะแทรกซ้อน จากการผ่าตัดถุงใต้ตา เช่น ตาหลับไม่สนิทหรือเปลือกตาล่างออก ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นเนื่องจากการตัดหนังบริเวณนี้มากเกินไป
4.การดูดไขมัน การดูดไขมันถุงใต้ตาเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดขนาดถุงใต้ตาโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับผู้ที่มีถุงไขมันใต้ตามากๆ โดยทางแพทย์จะแนะนำการผ่าตัดเปิดในเปลือกตาแล้วดูดไขมันออกมาในปริมาณที่เหมาะสม การดูดไขมันนี้ช่วยให้ผิวดูสดใสและเรียบเนียนขึ้นได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
5.การใช้คลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency: RF) หรือ RF เป็นวิธีที่สามารถช่วยในการลดไขมันและเซลลูไลท์ใต้ชั้นผิวได้ โดยใช้การกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสติน เช่น Thermage, Thermage CPT, และ Thermage FLX มีคุณสมบัติช่วยลดขนาดถุงใต้ตาบางส่วนได้ค่ะ สำหรับวิธีนี้
5.การใช้คลื่นอัลตราซาวด์ (Ultrasound) เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมในการกระชับผิวหนัง โดยสามารถกระตุ้นชั้นผิวหนัง SMAS ที่ถูกใช้ในกระบวนการยกกระชับผิวได้ และนอกจากนี้ยังสามารถใช้ในการลดไขมันใต้ตาได้บางส่วนเช่นกัน ตัวอย่าง เครื่องคลื่นอัลตราซาวด์ที่รู้จักกันดี Ulthera และ HIFU Ultraformer III 2 แบรนด์นี้ได้รับความนิยมมากที่สุด
บทความที่น่าสนใจ : ตีนกา คืออะไร ? รักษาด้วยวิธีไหนดีที่สุด
บทสรุป เลือกรักษา ถุงใต้ตา ด้วยวิธีไหนดีที่สุด
ถุงใต้ตา เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัยไม่ต้องซีเรียสค่ะ และยังมีวิธีรักษาหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นวิธีที่สามารถทำเองได้ที่บ้านอย่างการใช้สมุนไพรในการรักษา หรือจะเป็นวิธีทางหัตถการ ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในตอนนี้ เราก็แนะนำไว้ที่บทความด้านบนหมดแล้วค่ะ รับรองเลยว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ให้กับคุณได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าเกิดคุณอยากรักษาด้วยวิธีเร่งด่วน โดยการพึ่งทางการแพทย์ เราแนะนำให้คุณปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น และต้องเลือกคลินิกที่มีความปลอดภัยเพื่อผลลัพธ์การทำที่ได้ประสิทธิภาพสูงสุดของตัวคุณเองนะคะ
