บอกลา รอยแผลเป็น ด้วยวิธีไหนดีที่สุด ?

บอกลา รอยแผลเป็น ด้วยวิธีไหนดีที่สุด ?

รอยแผลเป็น 1

หากคุณกำลังเจอปัญหาเหล่านี้รบกวนการใช้ชีวิตประจำอยู่ สาเหตุมาจาก รอยแผลเป็น !  ซึ่งนับว่าเป็นปัญหาใหญ่สำหรับใครหลายคน รอยแผลเป็นเกิดขึ้นได้ทุกเพศ ทุกวัย โดยสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ซึ่งปัจจุบันการรักษารอยแผลเป็น เป็นเรื่องที่ง่ายและมีวิธีรักษาหลายอย่าง แต่ก็ต้องเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดด้วยนะคะ เพราะอาจจะส่งผลเสียตามมาได้หากคุณเลือกรักษาไม่ตรงจุด แต่ก่อนที่จะข้ามไปหาวิธีรักษารอยแผลเป็น เราแนะนำมาหาสาเหตุของรอยแผลเป็นและมาทำความรู้จักรอยแผลเป็นแต่ละชนิดกันก่อนดีกว่าค่ะ ว่ารอยแผลเป็นแบบไหนที่จะรักษาได้ด้วยตัวเองก่อนที่จะพึ่งมือหมอ! วันนี้บทความของเรามีคำแนะนำดีๆ มาฝาก! อ่านแล้วไขข้อสงสัยได้แน่นอน  การเกิดแผลเป็น (Scars) เป็นผลมาจากกระบวนการเยียวยาธรรมชาติของร่างกายเมื่อผิวหนังถูกบาดเจ็บ การรักษาแผลนั้นเกิดจากคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างขึ้นเพิ่มเติม เพื่อช่วยซ่อมแซมแผลให้หายเร็วขึ้น แต่แผลที่เกิดขึ้นจะแตกต่างจากผิวปกติที่ไม่เคยได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากไม่มีส่วนประกอบของผิวทั้งหมด ทำให้แผลเป็นมักมีลักษณะที่โดดเด่น ลักษณะของแผลสามารถแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น รูปร่าง ขนาด และความลึกของแผล เป็นต้น นอกจากนี้ ปริมาณเลือดที่ไหลเข้าไปในบริเวณนั้น สีผิว และความหนาของผิวก็มีผลต่อลักษณะของแผลด้วยเมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายมักจะมีการแทนที่คอลลาเจนที่ไม่เรียบเรียงด้วยเนื้อเยื่อที่มีระเบียบขึ้น นั่นหมายความว่ารอยแผลอาจจะลดลงได้ แต่ไม่ควรคาดหวังว่าผิวหนังจะกลับมาเรียบเนียนแบบเดิมอย่างสมบูรณ์ได้ทันที

รอยแผลเป็น 2

รอยแผลเป็น มีกี่ประเภทอะไรบ้าง

ก่อนที่จะหาวิธีรักษารอยแผลเป็น เคยสังเกตไหมคะ ว่ารอยแผลเป็นที่คุณเป็นอยู่เป็นรอยแผลเป็นประเภทไหน? รอยแผลเป็นของแต่ละคนแตกต่างกันออกไป ดังนี้ค่ะ

  • แผลเป็นแบบปกติมักจะมีลักษณะเล็กน้อย แบน และบาง มักเกิดจากการผ่าตัด บางครั้งอาจมีอาการคันเล็กน้อยเป็นระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือน แผลประเภทนี้สามารถดูจางลงและกลับมาเป็นผิวปกติได้ในเวลาประมาณ 2 เดือน แต่รอยแผลอาจยังคงอยู่ไม่สนิท
  • แผลเป็นนูนมักมีขนาดใหญ่ขึ้น มีสีแดง และอาจมีอาการคันร่วมด้วย แต่แผลจะไม่ขยายเกินขอบเขตรอยแผลเดิม แผลประเภทนี้อาจคงอยู่ได้ประมาณ 6 เดือนก่อนที่จะเริ่มหดลงและดูนิ่มลง
  • แผลเป็นแบบหลุมหรือรอยบุ๋มมักเกิดขึ้นจากปัญหาในผิวหนัง เช่น สิว อีสุกอีใส หรือการบาดเจ็บที่ส่งผลให้เสียชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดแผลที่มีลักษณะเป็นคลื่น หรือเหลี่ยม กลม หรือรี เป็นต้น
  • แผลเป็นคีลอยด์มักเป็นแผลที่นูนขึ้นมา อาจมีสีชมพู แดง หรือมีสีที่เข้มกว่าผิวปกติ บริเวณใกล้เคียง รอยแผลมักขยายตัวเกินขอบเขตของรอยแผลเดิม และมักมีอาการคันและเจ็บร่วมด้วย นอกจากนี้ อาจทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นขยับได้ยากขึ้นด้วย แผลเป็นคีลอยด์มักถ่ายทอดทางพันธุกรรม ดังนั้นหากมีประวัติของแผลประเภทนี้ในครอบครัวควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดก่อนค่ะ
รอยแผลเป็น 2

 5 สูตรลบรอยแผลเป็น ด้วยวิธีทางธรรมชาติ

  1. มะนาว มีสรรพคุณที่ช่วยลบรอยแผลได้อย่างดี เมื่อนำน้ำมะนาวมาทาบริเวณที่มีแผลเป็น เวลา 30 นาที แล้วล้างออกและเช็ดผิวให้แห้ง จากนั้นทามอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ใช้วิธีนี้ประจำวันละ 2 ครั้ง รอยแผลจะค่อยๆ หายไปในที่สุด
  2. ว่านหางจระเข้ เป็นวิธีรักษารอยแผลเป็นที่เหมาะสำหรับแผลเป็นที่เกิดขึ้นใหม่ โดยเพียงนำวุ้นจากว่านหางจระเข้มาทาบริเวณแผลเป็น ทิ้งไว้ให้วุ้นซึมซาบลงสู่ผิวจนแห้ง การใช้วิธีนี้ประจำทุกวันจะช่วยลดอาการแสบร้อน อาการคันได้ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว จะสังเกตได้ว่าแผลเริ่มยุบลงและหายไปเรื่อยๆ อย่างชัดเจน
  3. ใบบัวบก มีคุณสมบัติในการสร้างเนื้อเยื่อและช่วยให้แผลหายไว การใช้ใบบัวบกในการรักษาแผลง่ายมาก โดยเพียงใช้ใบบัวบก 1 กำ ตำให้ละเอียด แล้วคั้นน้ำมาทาบริเวณแผลเป็น แผลจะเริ่มยุบลงและสลายไปในที่สุด นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวเรียบเนียนมากขึ้นด้วย
  4. หอมหัวใหญ่ เป็นพืชที่ได้รับความนิยมในการใช้สกัดเป็นยารักษาแผลเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีคุณสมบัติในการสร้างเนื้อเยื่อและลดการอักเสบของแผล ทำให้รอยแผลดูจางลงได้ เพียงฝานหัวหอมเป็นแผ่นบางๆ แล้วบีบเอาน้ำหัวหอมมาแต้มที่แผลโดยตรง เมื่อแห้งดีแล้วก็ค่อยๆ ล้างออกด้วยน้ำอุ่น วิธีนี้จะช่วยให้รอยแผลหายไปอย่างมีประสิทธิภาพ
  5. น้ำผึ้ง ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดที่แผลเป็น ทำให้แผลค่อยๆ จางลงและหายไปเป็นปกติ วิธีการใช้คือ นำน้ำผึ้งมาทาบริเวณแผลเป็น แล้วนวดเบาๆ ประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นให้ทิ้งไว้อีก 30 นาที แนะนำให้ทำเป็นประจำทุกวันต่อเนื่องและทำวันละ 2 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากที่สุด

” สำหรับครีมลดรอยสิวและรอยแผลเป็นเราแนะนำแบรนด์ Eucerin Pro acne A.I. Matte Fluid ต้องบอกเลยว่าของเขาดีจริงๆ  ให้เต็ม 10 ไม่มีหักเลยค่ะ! เนื้อครีมเป็นโฟร์มูล่าที่เน้นการลดรอยสิวและรอยแผลเป็นโดยเฉพาะ ด้วยส่วนผสมที่ช่วยลดการอักเสบและผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน พร้อมควบคุมความมันในเวลาถึง 8 ชั่วโมง ซึมซาบเร็ว ไม่เป็นเงา ไม่ค่อยมีกลิ่น ทำให้ผิวรู้สึกสบายตลอดวัน
นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผิวที่แพ้ง่ายด้วยนะคะ
ราคา 890 บาท คุ้มค่ากับคุณภาพที่ได้รับแน่นอนค่ะ “

Editor’s Talk

เป็นวิธีรักษารอยแผลเป็นทางธรรมชาติที่ได้ผลลัพธ์ที่ดี โดยสามารถทำเองได้ที่บ้านประหยัดค่าใช้จ่าย และนอกจากนี้ยังมีวิธีรักษาอีกหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการศัลยกรรม การใช้ครีมรักษารอยแผลเป็นก็ได้ทั้งนั้น โดยวันนี้บทความของเราได้รวบรวมข้อมูลมาให้คุณหมดแล้วค่ะ เลือกอ่านผ่านเว็บไซต์ howwecute.com ได้ประโยชน์ดีที่สุดอย่างแน่นอน ว่าแต่จะมีอะไรบ้างไปอ่านต่อกันเลยดีกว่าค่ะ

บทความที่น่าสนใจ : เลเซอร์หน้าใส คืออะไร?

รักษารอยแผลเป็นด้วยเลเซอร์ดีอย่างไร?

เทคโนโลยีใหม่ในการบริการทางการแพทย์ที่น่าสนใจคือเลเซอร์แผลเป็น (Laser scar) ซึ่งใช้คลื่นแสงเลเซอร์เพื่อแก้ไขปัญหารอยแผลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง เลเซอร์จะส่งคลื่นพลังงานลงไปในชั้นผิวเพื่อช่วยลบรอยแผลและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ เมื่อผิวได้รับการซ่อมแซมเซลล์ ผิวจะกลับมาเรียบเนียนและดูดีอีกครั้ง เครื่องเลเซอร์ที่ใช้ในปัจจุบันได้รับการพัฒนาขึ้นมาก เน้นการตัดพังผืดในบริเวณชั้นผิวโดยไม่ทิ้งรอยแผล เป็นการรักษาที่ปลอดภัย ไม่เจ็บปวด และฟื้นตัวได้ไว ช่วยให้ผู้รักษาสามารถกลับมามีผิวหนังที่สมบูรณ์และสวยงามได้อีกครั้ง! โดยราคายิงเลเซอร์แตกต่างกันออกไปเพราะแต่ละคนมีรอยแผลไม่เหมือนกัน นับว่าเป็นการศัลยกรรมที่ใช้เวลาไม่นาน และมีความสะดวกสบายทำให้วิธีนี้เป็นที่สนใจของคนในยุคปัจจุบันมาอย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะมีผลข้างเคียงอยู่บ้างเราแนะนำให้คุณปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เข้ารับการรักษาค่ะ

การเตรียมตัวก่อนทำเลเซอร์ รอยแผลเป็น มีอะไรบ้าง

  1. งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการทำเลเซอร์ เพราะสารนิโคตินในบุหรี่สามารถทำให้หลอดเลือดตีบตัน จะทำให้การไหลเวียนของออกซิเจนลดลง ซึ่งอาจทำให้ระยะเวลาในการหายแผลจากการยิงเลเซอร์ช้าลง
  2. หลีกเลี่ยงแสงแดดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการทำเลเซอร์ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงหรือการระคายเคืองในผิวหนังที่ถูกยิงด้วยเลเซอร์
  3. หยุดรับประทานวิตามินอี แอสไพริน และอาหารเสริมอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติขับเลือดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการทำเลเซอร์ เพื่อป้องกันการเสี่ยงในการใช้เวลาในการสมานตัวของผิวหนังหลังจากการทำเลเซอร์
  4. หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีเรตินอยด์หรือกรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) เป็นเวลา 2-4 สัปดาห์ก่อนการทำเลเซอร์ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงหรือการระคายเคืองผิวหนังที่ถูกยิงด้วยเลเซอร์

การปฏิบัติตามขั้นตอนนี้จะช่วยให้ผลการรักษาด้วยเลเซอร์แผลมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงหรือปัญหาผิวหนังหลังจากการทำเลเซอร์ได้

บทสรุปการลบ รอยแผลเป็น วิธีไหนดีที่สุด

การลบรอยแผลเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การใช้เลเซอร์ ซึ่งเป็นวิธีที่มีผลลัพธ์ชัดเจน แต่ควรปรึกษาแพทย์เชี่ยวชาญก่อนด้วย เพื่อความมั่นใจในการรักษาเราแนะนำให้คุณเลือกคลินิกที่ผ่านการรับรองอย่างถูกต้องเพื่อการรักษาที่ปลอดภัย คุณมั่นใจได้เลยว่าเทคโนโลยีสมัยนี้ได้มาตรฐานราคาเริ่มต้นไม่แรง ก็สามารถทำให้คุณสวยได้แล้วค่ะ  การแก้ปัญหาด้วยเครื่องเลเซอร์มีข้อดีมากมาย เช่น ไม่เจ็บ ลดรอยแผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ทำให้ผิวเสียหายหลังการทำ ไม่มีอาการไหม้หรือสะเก็ดตามมา และผลลัพธ์สามารถเห็นได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ นอกจากนี้ยังช่วยปรับสภาพผิวให้กระจ่างใส และกระตุ้นกระบวนการในการสร้าง Collagen ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดีขึ้นได้อีกด้วย

บทความแนะนำ

ขาแตกลาย 1

ขาแตกลาย สาเหตุมาจากอะไร? รักษาด้วยวิธีไหนได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ขาแตกลาย? สาวๆ ท่านไหนที่กำลังคิดไม่ตกกับปัญหารอยแตกลายอยู่ จะใส่ชุดสวยชุดไหนก็ไม่มั่นใจ ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปเลยค่ะ

โบท็อกซ์ 3

โบท็อกซ์ Botox คืออะไร? ฉีดแล้วเป็นอันตรายไหม เรามีคำตอบ

สำหรับสาวๆ ที่ต้องการมีใบหน้าเรียวและมีโครงสร้างที่สวยงาม บทความนี้เป็นโอกาสที่ดี ที่คุณจะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ โบท็อกซ์

Crystal DNA คืออะไร?

Crystal DNA คืออะไร?

Crystal DNA เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุด โดยใช้หลักการ ฉีดเมสโส (Mesotherapy)