การ ฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นการทำศัลยกรรมอย่างหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้เป็นสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid: HA) มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ฉีดเพื่อเพิ่มความอวบอิ่ม เพื่อรูปร่างที่สวยงามสามารถแก้ปัญหาปากบนและปากล่างไม่เท่ากันได้ หรือปากเป็นร่องเป็นขุย หรือต้องการ ฉีดปากกระจับ ก็สามารถใช้การฉีดฟิลเลอร์ปากให้ดูดีขึ้นได้ สำหรับการแก้ปัญหาปากคว่ำที่ดูแล้วใบหน้าบึ้งก็สามารถใช้การฉีดฟิลเลอร์ได้เช่นกัน ยังช่วยยกกระชับให้แก้มยกขึ้นตามริมฝีปากขึ้นไปอีกด้วย หรือกรณีใครที่มีริ้วรอยรอบๆ ก็สามารถใช้การฉีดเพิ่มเติมเต็มให้มุมปากดูเต่งตึงขึ้นได้ ครั้งแรกจะเห็นความเปลี่ยนแปลงได้เลยในทันที สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่า ฉีดฟิลเลอร์ปากอันตรายไหม? ราคาเท่าไร? และควรเตรียมตัวอย่างไร ทั้งการดูแลตัวเองก่อนฉีดและหลังฉีด วันนี้เรามีคำแนะนำดีๆ มาฝากค่ะ รับรองว่าบทความนี้มีประโยชน์อย่างแน่นอน
ฉีดฟิลเลอร์ปาก อันตรายไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์ปากไม่เป็นอันตรายแต่ต้องเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และมีใบรับรองจากโรงพยาบาลหรือคลินิกเท่านั้น เพราะสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิกแอซิด สามารถสลายหายไปเองได้ตามธรรมชาติและมีความปลอดภัย 100% ถ้าเกิดเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์จะรู้เทคนิคการฉีด เพราะบริเวณริมฝีปากมีเส้นเลือดฝอยขนาดจำนวนมากต้องใช้ความระมัดระวังในการฉีด เพื่อไม่ให้เกิดการอุดตันในเส้นเลือด สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ ต้องมีข้อควรระวังสำหรับคนไข้ที่พึ่งผ่าตัดริมฝีปากมาก่อน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนล่วงหน้า เพราะกรณีนี้เส้นเลือดบางส่วนของคนไข้ จะโดนรอยแผลพังผืดปิดกั้นและมีความเสี่ยงสำหรับการฉีดฟิลเลอร์มากกว่าเคสปกติทั่วไป แต่ก็สามารถแก้ไขได้ภายใน 7-14 วัน หากเกิดกรณีฉุกเฉิน จึงแนะนำให้เลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นเพราะจะได้แก้ไขในเวลาทันท่วงที
ฉีดฟิลเลอร์ปลอม! อันตรายที่คุณต้องรู้
การเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่านอย.หรือนำเข้ามาผิดกฎหมายจะมีความเป็นอันตรายและสามารถพบได้ในคลินิกเถื่อน หมอเถื่อน หากฟิลเลอร์ปลอมอยู่ใต้ผิวหนังนานมากเกินไปอาจจะมีการเคลื่อนย้ายไปยังตำแหน่งอื่นแล้วถ้าเกิดฉีดโดนเส้นเลือดหรือบริเวณที่ไม่ต้องการอาจจะมีผลข้างเคียงตามมาได้เช่น
- อาจเกิดการอักเสบและการติดเชื้อ
- มีความเสี่ยงที่จะตาบอด เสี่ยงเนื้อตาย
- มีการไหลย้อยของฟิลเลอร์ผิดทิศทาง
- ไม่สลายตามธรรมชาติ
- มีเนื้อตายเกิดขึ้นและพังผืด เกิดอาการเน่าได้
- เส้นประสาทถูกทำลาย
- ใบหน้าผิดรูปร่างมีลักษณะเป็นก้อน
การฟิลเลอร์ปากใช้กี่ CC ? การฉีดฟิลเลอร์โดยทั่วไป ใช้เพียง 1 cc ก็สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้เลยทันที ในเคสที่ปากบางมากๆ อยากได้ความอวบอิ่ม อาจจะต้องใช้ 2 CC เพื่อทรงปากที่สวยงาม ทางแพทย์จะประเมินใบหน้าอีกครั้งตามความเหมาะสม
“วิธีทาปาก ให้เป็นสายฝอโดยไม่ต้องพึ่งมือหมอไม่ต้องง้อเข็ม
Editor’s Talk
อยากปากสวย อยากปังเหมือนดิว อริสรา
เลือกวิธีง่ายๆ งบราคาเบาๆ ด้วยการทาลิปสติก
ใช้วิธีการทาลิปสติกเข้มด้านในริมฝีปากทั้งมุมสองข้าง
จากนั้นค่อยไล่ด้วยลิปสติกสีอ่อนนู้ดๆและขอบเข้มด้านล่าง
เน้นให้เป็นทรงหนาอวบอิ่ม แค่ก็ได้ลุกปากอิ่มสายฝอแล้วค่ะ
หรือจะใช้แปรงช่วย ให้ทาเกินดออกมาก็แล้วแต่เทคนิคของแต่ละคน
เป็นวิธีที่ดารากำลังนิยมในตอนนี้ค่ะ “
ข้อดีของการ ฉีดฟิลเลอร์ปาก มีอะไรบ้าง
- เห็นผลครั้งแรกทันที หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ไม่ต้องเตรียมร่างกาย เหมือนการผ่าตัดและไม่ต้องงดอาหารก่อนฉีด
- ใช้เวลาการพักฟื้นไม่นาน ไม่ต้องลางานหลายวัน
- สามารถดูแลตัวเองได้ทันที ไม่ต้องทำแผล ไม่ต้องผ่าตัดไหม มีเพียงรอยเข็มจุดเล็กๆ สามารถปกปิดด้วยการทาลิปสติก สามารถหายได้ภายใน 1 สัปดาห์
- ไม่มีการบวมช้ำของริมฝีปากหลังทำ
- ไม่มีการทานยา จำนวนมาก
- ฉีดฟิลเลอร์สามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงปากได้ตามต้องการไม่ว่าจะปากบนใหญ่ ปากล่างบางหรือจะปากหนา ปากกระจับ
- ท่านไหนเคยเกิดอุบัติเหตุ เคยมีประวัติผ่าตัดมาก่อนจะช่วยแก้ปัญหา โดยการฉีดฟิลเลอร์ทำให้ปากบนและปากล่างเท่ากันได้
- ฉีดเพื่อเพิ่มความมีเสน่ห์ความเซ็กซี่ผิวปากอวบอิ่ม ชวนให้ไปหน้า หน้ามองขึ้นอีกด้วย และยังทำให้สุขภาพดูดี
- ค่าใช้จ่ายราคาต่ำเมื่อเทียบกับการผ่าตัด
ข้อเสียของการ ฉีดฟิลเลอร์ปาก มีอะไรบ้าง
- การฉีดฟิลเลอร์ปาก จะมีผลลัพธ์ชั่วคราวประมาณ 6-18 เดือน และระยะเวลา ต้องอาศัยปัจจัยอื่นๆ ด้วยเช่นการใช้ชีวิตประจำวัน ประเภทของยี่ห้อที่ฉีด
- หากเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน หรือการใช้ฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม จะทำให้ปากขยายใหญ่มากเกินไป
- หากได้แพทย์ไม่ชำนาญ อาจจะมีความเสี่ยงและเกิดอันตรายได้เพราะบริเวณริมฝีปากเป็นจุดบอบบาง มีเส้นเลือดฝอยเล็กจำนวนมาก
1.การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากมีอะไรบ้าง
การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นการเตรียมตัวที่ไม่มีอะไรมาก เหมือนการผ่าตัดโดยจะมีขั้นตอนง่ายๆดังต่อไปนี้
- ผู้เข้ารับบริการเคยมีการผ่าตัดริมฝีปากมาก่อน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- ถ้ามีโรคประจำตัว การแพ้ยา ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนวันที่เข้ารับบริการ
- งดดื่มแอลกอฮอล์ ประมาณ 3-7 วัน
- งดสครับหรือการเลเซอร์ปากประมาณ 1 สัปดาห์
- งดรับประทานยา แก้ปวดประจำเดือน ยาแอสไพริน หรือกลุ่มต้าน การอักเสบประมาณ 2 สัปดาห์ขึ้นไป
- งดวิตามินหรืออาหารเสริม น้ำมันตับปลาประมาณ 2 อาทิตย์ เพราะมีส่วนทำให้เลือดไหลง่ายส่งผลให้เกิดรอยช้ำจากการฉีดหายากอีกด้วย
2.การเตรียมตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ปากมีอะไรบ้าง
- งดสูบบุหรี่ งดใช้หลอดดูดน้ำ และงดทาลิปสติกในชั่วโมง 24 แรกหลังการฉีดฟิลเลอร์
- ไม่ออกกำลังกายหนักๆหรือตากแดดร้อนๆ ระยะเวลา 48 ชั่วโมงแรก เพราะจะส่งผลเสียต่ออาการบวมแดง บริเวณฉีดฟิลเลอร์และอาจทำให้ปากเสียรูปได้
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดทานอาหารรสจัดของดิบ ตามแพทย์แนะนำอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดการอบไอน้ำ อบเลเซอร์หน้าที่มีความร้อนอย่างน้อย 4 สัปดาห์
- ควรทาเจลหรือครีมว่านหางจระเข้ หรือวิตามินอื่นๆ บริเวณที่ฉีด หากมีรอยช้ำ
- สามารถใช้การประคบน้ำแข็งเพื่อลดอาการบวมได้
- พยายาม นอนหมอนยกสูงหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำเพื่อลดอาการบวม
- ไม่ควรสัมผัสหรือลอกหนังริมฝีปากเพราะจะทำให้ทำลายริมฝีปาก บริเวณผิวที่กักเก็บน้ำ
บมความที่น่าสนใจ : ปากแห้ง เกิดจากอะไร? เรามีคำตอบ
บทสรุปการ ฉีดฟิลเลอร์ปาก
การฉีดฟิลเลอร์ปาก มีความปลอดภัย แต่ต้องเลือกการฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเลือกฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานมีอย.เท่านั้น การฉีดฟิลเลอร์ปากจะอยู่ได้ประมาณ 18 เดือน และเห็นผลทันทีในการฉีดครั้งแรกสำหรับคนที่ต้องการปรับเปลี่ยนริมฝีปากเราแนะนำว่าการฉีดฟิลเลอร์เป็นทางออกที่ดีและเป็นวิธีศัลยกรรมทางการแพทย์ที่น่าสนใจ เพราะฟิลเลอร์สลายออกได้เองตามธรรมชาติแต่ถ้าเกิดคุณเลือกฟิลเลอร์ที่ไม่มีความปลอดภัยก็อาจจะส่งผลร้ายตามมาได้อย่างที่เราแนะนำ รับรองเลยว่าบทความของเราจะมีประโยชน์ให้กับคุณได้อย่างแน่นอน พร้อมแล้วมาฉีดฟิลเลอร์ปากกันเลยดีกว่าค่ะ
