CoolSculpting คืออะไร? 

CoolSculpting คืออะไร? 

CoolSculpting คืออะไร

Coolsculpting คือ เทคโนโลยีการสลายไขมันด้วยความเย็น ผู้คิดค้น โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นายแพทย์ R.Rox Anderson และ Dieter Manstein จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ตัวเครื่องจะมีหน้าที่ส่งความเย็นในระดับ  -11 ถึง 13°C  จุดเยือกแข็งลงไปใต้ชั้นใต้ผิวหนัง เพื่อเข้าสู้ชั้นไขมัน ส่งผลให้ไขมันตายและถูกขับออกมาจากร่างกายตามธรรมชาติ ทำให้ได้สัดส่วนและมีรูปร่างที่กระชับมากขึ้น เซลล์ไขมันจะเรียงตัวใหม่ ทำให้ชั้นไขมันบางลง  ทำให้การทำ coolsculptingมีความปลอดภัย 100%  เพราะวิธีการทำกระบวนการสลายไขมัน ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บ ไม่ต้องฉีด ไม่มีรอยแผลไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องใช้ยาชา หรือยาสลบ หลังจากการทำเสร็จสามารถใช้ชีวิตปกติประจำวันได้เลยค่ะ

CoolSculpting ทำไมต้องใช้ความเย็นในการกำจัดไขมัน ?

CoolSculpting ทำไมต้องใช้ความเย็นในการกำจัดไขมัน ?

ผลงานวิจัยพบว่าเซลล์ไขมัน มีความไวต่ออุณหภูมิ มากกว่าเซลล์ชนิดอื่น เช่นถ้าเราเอาอาหารที่มีไขมันไปแช่ในตู้เย็น สังเกตเห็นไหมค่ะว่าไขมันจะแข็งตัว แยกออกมาเป็นชั้นๆ ได้ไวมาก  และถ้าไขมันได้รับความเย็นมากๆ จะทำให้เซลล์ไขมันตายลง แต่ไม่มีผลกระทบกับเซลล์อื่น ทำให้การเลือกใช้ความเย็นในการกำจัด จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ส่วนการออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร จะส่งผลให้เซลล์  มีขนาดเล็กลงเท่านั้นแต่ไม่ได้กำจัดเซลล์ไขมันออกจากร่างกายนั่นเองค่ะ ถ้าขาดวินัยในการดูแลตัวเอง เซลล์ไขมันก็จะทำการขยายตัวกลับมา รูปร่างอ้วน เหมือนเดิม แต่การใช้ความเย็นจะกำจัดเซลล์ไขมันได้อย่างถาวรและเป็นเทคโนโลยีที่เห็นผลการเปลี่ยนแปลงในครั้งแรกที่ทำ โดยใช้เวลาประมาณ 35-45 นาที ขึ้นอยู่กับพื้นที่ด้วย โดยการทำแต่ละครั้งสามารถกำจัดไขมันส่วนเกินที่ทำได้ 20-30 % ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ผลลัพธ์ที่รู้สึกถึงได้ 1-3 เดือน จะรู้สึกว่าไขมันบีบจับได้ ในปริมาณมากจะเล็กลง เพราะชั้นไขมันบริเวณนั้นได้บางลงแล้วค่ะ

” อีกวิธีง่ายๆ ที่เราแนะนำ การเลือกใช้เจลลดไขมันหน้าท้อง Body Firming Cream ราคาเพียง 890 บาท แบรนด์ยอดฮิตในปี 2023 สารสกัดจากพริกและขิง มีส่วนช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญไขมัน
จากประเทศญี่ปุ่น โดดเด่นด้วยสารสกัดจากพริก มีส่วนกระตุ้นระบบเผาผลาญ
เซลลูไลท์ให้ลดลง ใช้ไม่กี่ครั้ง ก็ได้ผลัพธ์ทื่ดี ทำให้ผิวเนียนนุ่มอีกด้วย
ทาแล้วไม่ระคายเคืองด้วยค่ะ หาซื้อง่าย สามารถเลือกช้อปได้ทุกช่องทางออนไลน์ ”

Editor’s Talk

ใครเหมาะกับการทำ Coolsculpting 

เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสม การสลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculptin สามารถทำได้หลายจุดทั่วร่างกาย หรือผู้ที่ต้องการลดสัดส่วนเฉพาะที่ เช่นต้องการลดสะโพก หน้าท้อง ปีกหลัง ต้นแขน ต้นขา หรือคุณแม่ที่เพิ่งผ่านการคลอดบุตร ต้องการให้รูปร่างดีกลับคืนมาแต่ไม่ต้องการออกกำลังกายหนักๆ หรืออดอาหาร การเลือกใช้วิธี Coolsculptingจึงเป็นทางเลือกที่ดีอีกทาง อย่างไรก็ตามเพื่อให้ได้ผลที่มีประสิทธิภาพสูงสุดควรออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้ยาวนาน และไม่มีไขมันสะสมกลับมาให้กวนใจ CoolAdvantageแบ่งเป็น 3 ขนาด คือขนาดเล็กกว่าปกติเล็กน้อย ขนาดใหญ่สุด การมีหัวเครื่องมือหลายรูปแบบ ทำให้ทั่วถึงทุกบริเวณ ครอบคลุมทุกปัญหาได้อย่างตรงจุด แต่การสลายไขมันด้วยความเย็นก็มีข้อจำกัดไม่เหมาะกับคนที่มีโรคประจำตัว และอาการดังต่อไปนี้

  • ผู้ที่มีโรคแพ้ความเย็น หรือโรคเลือดแข็งตัวผิดปกติ
  • อยู่ในช่วงตั้งครรภ์
  • อยู่ในช่วงมีประจำเดือน
  • ได้รับการผ่าตัดมาไม่เกิน 6 เดือน
  • อาการไส้เลื่อน
  • ผู้ที่มีนำหนักตัวมากเกินไป

การเตรียมตัวก่อนรับบริการCoolSculpting

  • หาคลินิกที่มีใบรับรอง ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • ควรงดรับยา วิตามิน ยาบำรุง สมุนไพร ก่อนเดินเข้าบริการ
  • แจ้งโรคส่วนตัวให้ทางคลินิกทราบก่อน หรือมีอาการเจ็บป่วยอยู่
  • ควรรับประทานอาหารมาก่อน
  • เลือกใส่เสื้อผ้าที่จะสะดวกสบาย ถอดออกได้ง่ายๆ
การดูแลตัวเองหลังรับบริการCoolSculpting

การดูแลตัวเองหลังรับบริการCoolSculpting

ผู้เข้ารับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติเลยค่ะ แต่อาจจะมีผลข้างเคียงแต่ไม่เป็นอันตรายมากนัก ในระหว่างการทำ อาจจะรู้สึกชาเล็กน้อย เนื่องจากได้รับความเย็นและแรงดูดจากเครื่อง  หลังจากการรักษาจะมีอาการบวม คัน และมีรอยแดง แต่จะหายได้ หลังจาก 2-4 สัปดาห์ไปแล้ว อาการเหล่านั้นจะดีขึ้นตามลำดับ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีเราแนะนำ ให้ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้ไขมันกลับสะสมที่ร่างกายได้อีก เราแนะนำ คลินิกที่บรรดาสาวๆ คนดังชอบทำ เลือกที่นี่เลยค่ะ theskinclinic มีครบจบ พร้อมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำอย่างดี

อดอาหารดีกว่าการทำCoolSculptingจริงไหม วิธีการลดน้ำหนักโดยการอดอาหาร เป็นสิ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง และเมื่อเราอดอาหารสิ่งแรกที่จะเกิดขึ้นได้ คือระดับน้ำตาล ในเลือดจะดูจางลง ทำให้การคิดวิเคาระห์แย่ลง มีผลเสียต่อสมองได้ เนื่องจากสมองเป็นอวัยวะที่ต้องใช้กูลโควในการทำงานนั่นเอง หากน้ำตาลในเลือดลดลงทำให้สมองช้าลงไปด้วย มีความมึนงง อ่อนเพลียและสร้างฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียด จะนำไปสู่ภาวะอารมณ์ฉุนเฉียวได้ ยังส่งผลต่อระบบเผาผลาญให้ร่างกายทำงานช้าลง การเลือกทานอาหารจึงมีประโยชน์ และไม่ใช่วิธีที่ดี หากอดอาหารติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะเอาตัวรอด ถ้าต้องการทานอาหารก็ต้องทานมากกว่าปกติ จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมอดอาหารแล้ว น้ำหนักลดยากนั่นเองค่ะ

บทความที่น่าสนใจ : รวมไอเดียเสื้อครอป เอวลอยฉบับสาวมั่น



บทสรุป CoolSculpting เป็นวิธีลดไขมันที่นี่ตอบโจทย์คุณไหม

เราแชร์วิธีการรักษา และประโยชน์ของการเลือกใช้เครื่องเทคโนโลยี CoolSculptingไปแล้ว พร้อมการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการบริการและหลังจากการบริการเสร็จ แต่ละเคสราคาเริ่มต้นต่างกัน ตั้งแต่ 8,500 บาทขึ้นไป ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที ได้รับผลลัพธ์ที่ดีถาวร แนะนำเลือกทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น จะได้รับการรักษาที่ตรงจุดและมีความปลอดภัย  การออกกำลังกายยังเป็นเรื่องที่ดีและควรทำสม่ำเสมอป้องกันปัญหาไขมันกลับมาเป็นซ้ำอีก พร้อมการควบคุมการทานอาหาร ฝากบทความของเราไว้ให้ผู้อ่านได้ติดตามกันด้วยนะคะ แล้วพบกันใหม่ค่ะ 

บทความแนะนำ

ขาแตกลาย 1

ขาแตกลาย สาเหตุมาจากอะไร? รักษาด้วยวิธีไหนได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ขาแตกลาย? สาวๆ ท่านไหนที่กำลังคิดไม่ตกกับปัญหารอยแตกลายอยู่ จะใส่ชุดสวยชุดไหนก็ไม่มั่นใจ ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปเลยค่ะ

โบท็อกซ์ 3

โบท็อกซ์ Botox คืออะไร? ฉีดแล้วเป็นอันตรายไหม เรามีคำตอบ

สำหรับสาวๆ ที่ต้องการมีใบหน้าเรียวและมีโครงสร้างที่สวยงาม บทความนี้เป็นโอกาสที่ดี ที่คุณจะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ โบท็อกซ์