ปลูกผมที่ไหนดี? โดยเฉพาะการปลูกผมครั้งแรก เพราะศีรษะไม่เคยได้รับการปลูกผมถาวรมาก่อน หนังศีรษะก็ต้องพร้อมสำหรับการทำศัลยกรรมด้วย ต้องมีผมบริเวณท้ายทอยหรือบริเวณกกหูที่เพียงพอต่อการปลูกผม ในส่วนที่ต้องการปลูก ต้องไม่ช้ำไม่มีการผ่าตัดมาก่อน จะได้มีเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงได้ดี มีโอกาสที่ผมจะได้ขึ้นหลังการปลูกในการผ่าตัดครั้งต่อๆ ไป หากครั้งแรกปลูกผมแล้วออกมาได้ผลลัพธ์ที่ดีเลย ได้ทรงที่ชอบ ความหนากำลังดี ไม่บางจนเกินไป ก็จะทำให้ไม่เสียเวลาในการปลูกหรือไปแก้ ฉะนั้นการเลือกคลินิกสำหรับการปลูกผมจึงเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจมากๆ ต้องเลือกทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ โดยวิธีเลือกคลินิกปลูกผมต้องพิจารณาจากหลายๆข้อ เช่นใบรับรองการเปิดคลินิกที่ได้มาตรฐาน เครื่องมือแพทย์ ราคา การดูแลทั้งก่อนทำและหลังทำ รวมถึงรีวิวต่างๆ หากไม่ผ่านการ Checklist ก็ต้องเจอกับความเสี่ยงต่างๆ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
Checklist ปลูกผมที่ไหนดี? ควรพิจารณาดังนี้
1.พิจารณาจากเทคนิคการปลูกผม
เป็นสิ่งสำคัญที่คุณต้องเรียนรู้เลย สำหรับเทคนิคการปลูกผม ว่าสภาพผมของคุณเหมาะกับเทคนิคแบบไหน เพราะแต่ละเทคนิคแตกต่างกัน นอกจากนี้การผ่าตัดยังใช้เครื่องมือไม่เหมือนกัน แต่ก็ยังได้รับการพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เราแนะนำว่าควรเลือกคลินิกที่มีวิธีการปลูกผมมากกว่า 1 วิธี จะได้ตัดสินใจและเปรียบเทียบถูกว่าแบบไหนที่เหมาะกับคุณมากที่สุดแต่ถึงอย่างไรทางแพทย์ก็จะแนะนำวิธีที่เหมาะที่สุดอีกทีค่ะ โดยหลักๆแล้ว เทคนิคที่คลินิกจะมีอยู่ 2 เทคนิคดังนี้
- เทคนิคปลูกผมแบบ FUE เป็นการปลูกผมโดยการเจาะรากผม ด้วยเครื่องมือเจาะ เฉพาะส่วนกอราก เพื่อนำไปปลูก และจะไม่มีเนื้อเยื่ออื่นๆ ออกมาจากรากผมได้ สมัยปัจจุบันการเจาะจะมีขนาด 1 มิลลิเมตรเท่านั้น และมีโอกาสปลูกผมขึ้นอีกด้วย วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีผมท้ายทอยมากพอสมควร ถ้าไม่อยากมีแผลให้เลือกวิธีนี้ค่ะ
- เทคนิคปลูกผมแบบ FUT เปน็นการปลูกผมที่จะนำกอรากชั้นบนผมออกมา และนำไปตัดแบ่งเป็นกอรากผม แล้วจึงนำไปปลูกวิธีนี้ต้องเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญเท่านั้นเพราะการผ่าตัด จะมีแผลที่ใหญ่กว่า และต้องตกแต่งก่อนเพื่อให้แผลดูเล็กลง หากถามว่าวิธี้นี้ดีไหม ก็ต้องทราบข้อมูลก่อนว่าเหมาะกับผู้รักษาหรือไม่ โดยปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกที
2.แพทย์ปลูกผมต้องมีความเชี่ยวชาญ
ความเชี่ยวชาญมีความสำคัญอย่างมากในการตัดสินใจ ว่าคุณจะเลือกปลูกผมที่ไหนดี หากไม่ได้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็อาจจะทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดี มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนอีกด้วย ข้อที่ต้องพิจารณาว่าแพทย์เป็นผู้เชี่ยวชาญหรือเปล่า มีดังนี้
- แพทย์จะต้องเรียนจบมาจากทางด้านนี้โดยเฉพาะ
- แพทย์จะต้องมีประสบการณ์สูง มีเคสปลูกผมมาแล้วหลายเคส
- แพทย์จะได้รับการรันตี ว่าผู้รักษาปลูกขึ้นมากกว่า 90%
- แพทย์จะต้องให้คำแนะนำทั้งก่อนทำ – และหลังทำ หรือต้องทำอะไรเพิ่มบ้าง
- แพทย์จะต้องอัปเดตความรู้อยู่เสมอ เนื่องจากการปลูกผมมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีความทันสมัยอยู่ตลอด
3.คลินิกปลูกผมต้องได้มาตรฐาน
การเลือกคลินิกเป็นปัจจัยที่สำคัญอีกอย่างเลยที่ต้องพิจารณาก่อน ว่าจะเลือกปลูกผมที่ไหนดี เพราะการปลูกผมมีความเสี่ยงหากไม่ได้คลินิกที่ได้มาตรฐาน โดยมีปัจจัยดังนี้
- อุปกรณ์ต้องมีครบ อุปกรณ์การแพทย์เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และอุปกรณ์มีความเหมาะสมที่ต่างกันออกไป ไม่สามารถที่จะใช้ร่วมกันได้ ยิ่งมีอุปกรณ์ที่ครบมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้การปลูกผมได้ผลลัพธ์ที่ดีและผิดพลาดน้อยนั่นเองค่ะ
- สถานที่ทำต้องมีความปลอดภัย เพราะการผ่าตัดมีโอกาสที่จะติดเชื้อในกระแสเลือดได้ หากเจอคลินิกที่ไม่สะอาด ความปลอดภัยก็ไม่ควรมองข้าม ทำให้การผ่าตัด เสี่ยงน้อยลงไปอีก คลินิกที่มีความสะอาดแสดงให้เห็นถึงระบบภายในจัดสรรดีมีความน่าเชื่อถือให้กับผู้รักษานั่นเอง
- เทคโนโลยีปลูกผมที่ทันสมัย คลินิกชั้นนำต้องมีความรู้ทางแพทย์ให้ทันกับยุคสมัยปัจจุบัน เพราะการผ่าตัดจะมีโอกาสที่สำเร็จมากขึ้นและสะดวกต่อผู้รักษา ทำให้ผู้เข้ารักษา มีทางเลือกมากขึ้น แผลเล็กลง ไม่เจ็บ ง่ายต่อการดูแลหลังผ่า
4.พิจารณาเรื่องสถานที่และการเดินทาง
เพราะการปลูกผมใช้เวลานานถึง 6 ชั่วโมง ในคลินิกต้องมีห้องน้ำในตัว เพราะผู้รักษาต้องเข้าห้องน้ำหลังฟื้นจากยานอนหลับ เพื่อการรักษาที่เคลื่อนที่น้อยที่สุด และเสี่ยงต่อการติดเชื้อน้อยที่สุด ที่ตั้งคลินิก็เป็นส่วนสำคัญเพื่อทำให้มีที่จอดรถง่าย สะดวกต่อการเดินทาง ไม่ควรที่จะกระทบกระเทือนมากเกินไป จึงต้องมีคนขับรถมาให้ หรือการเรียกบริการรถแท็กซี่ จะได้อำนวยความสะดวกต่อผู้มารับ
5.ผลงานการปลูกผม
“รีวิว” เป็นการรีนตีและสร้างความเชื่อถือของคลินิกได้เลยค่ะ รวมถึงฝีมือแพทย์ว่ามีความเชี่ยวชาญจริงหรือเปล่า และสามารถติดตามรีวิวได้ทุกช่องทางโซเชียลมีเดีย หรือหน้าเว็บคลินิกนั้นๆ ได้ก่อนที่จะตัดสินใจทำ ถึงเป็นรีวิวปลอมก็สามารถเห็นได้ว่า การรีวิวจะไม่ลงรายละเอียดเยอะ และยังสามารถพูดคุยกับผู้ที่มีประสบการณ์จริงได้อีกด้วยค่ะ เป็นประโยชน์มากๆ สำหรับการตัดสินใจ รวมถึงการรับประกันของคลินิกเพื่อไม่ให้ผู้รักษาต้องเสียเงินซ้ำสอง และคงไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับผู้รักษา ที่ต้องเสียเวลา เพราะการปลูกผมที่ดีต้องได้รับผลลัพธ์ไม่ต่ำกว่า 90%ให้สังเกตคลินิกที่มีการประกันด้วยค่ะ เพื่อประโยชน์ต่อผู้รักษาเอง
6.การบริการทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด
คลินิกที่ดีต้องมีการบริการทั้งก่อนและหลังทำ โดยละเอียด และคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากได้ข้อมูลที่ไม่ชัดเจนจะส่งผมเสียไปที่ผมอาจจะทำให้กอรากผมหลุดออกมา ควรศึกษาคำแนะนำให้ดี ก่อนเพื่อผลลัพธ์ที่ดี นอกจากนี้คลินิกยังต้องติดตามผลลัพธ์หลังการผ่า ว่าผมขึ้นได้ตามจำนวนที่ตั้งใจไหม แล้วถ้าผมขึ้นน้อยทางคลินิกก็ต้องหาสาเหตุว่ามาจากไหน และควรทำอย่างไรต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีข้อพิจารณาอื่นๆที่คุณเลือก Checklist เพิ่มได้ เช่น ราคา รีวิว เพราะแต่ละคลินิกมีราคาต่างกันออกไป เพื่อการปลูกผมที่ดีของคุณเองไม่ควรมองข้ามเรื่องพวกนี้เลยค่ะ
คลินิกปลูกผมที่ไหนดีสุดในปี 2023
- โรงพยาบาลสมิติเวช
- Apex Profound Beauty
- โรงพยาบาลเลอลักษณ์
- โรงพยาบาลยันฮี
- Apex Profound Beauty
- โรงพยาบาลกมล
- ตรีสุรางค์คลินิก
- โรงพยาบาลนวมินทร์9
- โรงพยาบาลศิริราช
- Meko clinic
บทสรุป ปลูกผมที่ไหนดี?
การเตรียมตัวปลูกผมเป็นเรื่องที่สำคัญที่คุณไม่ควรมองข้ามเลยค่ะ และอย่าลืมให้ความสำคัญคลินิกที่เลือกทำด้วยนะคะเพื่อผลลัพธ์ที่ดีของผู้รักษาเอง เพราะการปลูกผมถ้าทำออกมาไม่ดี จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ และไม่ถูกใจกับผลลัพธ์ที่ได้ด้วยค่ะ วันนี้บทความของเราแชร์ไอเดียไว้ให้หมดแล้ว สำหรับผู้รักษาที่ยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกปลูกผมที่ไหนดี และยังหา สาเหตุของผมร่วง วิธีป้องกันเบื้องต้นด้วยตัวเอง ไม่เจอ ก่อนที่จะตัดสินใจปลูกผม เลือกอ่านที่บทความของเราก่อนได้เลยค่ะ รับรองเลยว่าคุณจะไม่ลังเลอีกต่อไป