เมื่ออายุมากขึ้น หลายคนจะมีปัญหาเรื่องผิวหน้าหย่อนคล้อย ทำให้ไม่มั่นใจ หรือบางคนเกิดขึ้นตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้หลายคนเลือกใช้วิธี ยกกระชับหน้า เพื่อแก้ปัญหา สาเหตุมาจากผิวหน้าสูญเสียอิลาสติน ทำให้ผิวหน้า มีความยืดหยุ่นน้อยลง หรือหย่อนคล้อยและนอกเหนือจากนี้ยังมีปัญหาอื่นๆ ตามมาเช่นรอยตีนกา ริ้วรอย ทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย ปัจจุบันมีเทคโนโลยี การยกกระชับใบหน้าด้วยหัตถกรรมทางการแพทย์ เกิดขึ้นมามากมาย รวมถึงการร้อยไหม การฉีดโบท็อกซ์และรวมถึงการยกกระชับใบหน้าด้วยวิธีง่ายๆ สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้าน เช่นการเล่นโยคะ การนวดกระชับ แต่วิธีไหนที่จะเหมาะกับคุณ? เราแนะนำให้คุณอ่านบทความของเราให้จบรับรองเลยว่าใบหน้าของคุณจะกลับมาเต่งตึงได้ อย่างแน่นอนค่ะ
” ครีมยกกระชับหน้าแบรนด์ดังที่คุณไม่ควรพลาดเลยค่ะ
Editor’s Talk
L’oreal Paris Revitalift Night Cream
สาวๆ เลือกใช้เป็นอันดับ 1 ในตอนนี้
เป็นครีมที่ช่วยยกกระชับผิวหน้า
ช่วยลดริ้วรอย ทำให้ริ้วรอยบนใบหน้าดูตื้นขึ้น
ผิวหน้าเต่งตึงกระชับ เพิ่มความยืดหยุ่นใต้ผิวหนัง
ใบหน้าดูกระจ่างใส ดูอ่อนวัยเหมือนใบหน้าเด็กอีกครั้งเลยค่ะ “
สาเหตุที่ต้องเลือก ยกกระชับหน้า
- เกิดจากอายุที่มากขึ้น เพราะผิว ทำงานได้น้อยลง เนื่องจากอิลาสติน และคอลลาเจนเสื่อมสภาพลง
- ไขมันสะสมบนใบหน้ามากขึ้น และทำให้ไหลรวมกันบริเวณช่วงล่างของใบหน้าส่งผลให้แก้มหย่อนคล้อย มีเหนียง หรือมีคาง 2 ชั้น
- เกิดจากการนอนดึก ความเครียดสะสม รับประทานอาหารไม่มีประโยชน์ หรือ แสงแดดก็ส่งผลให้ ใบหน้าหย่อนคล้อยได้เช่นกัน
- การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการละเลยการดูแลผิวหน้าก็เป็นปัจจัยที่ทำให้หน้าไม่กระชับ และเกิดความหย่อนคล้อยได้ง่าย
ยังมีวิธีดูแลใบหน้าที่คุณสามารถดูแลได้ด้วยตัวเอง เช่นการทาครีมบำรุงผิวหรือการเลือกใช้สกินแคร์ เป็นการบำรุงผิว ที่ควรทำเป็นประจำและสม่ำเสมอถึงจะเห็นผลช้าแต่ก็เลือกดูแลเบื้องต้นได้ก่อน รวมถึงการนวดยกกระชับใบหน้าก็เป็นวิธีการรักษาได้ โดยนวดหน้าเบาๆ เป็นประจำทุก 10-15 นาที สามารถใช้ร่วมกับครีมบำรุงผิวเบาๆ ที่แก้ม ใต้คาง หน้าผากได้ค่ะ หลังจากนวดจะรู้สึกว่าผิวหน้ากระชับขึ้นอีกด้วย
ยกกระชับหน้า มีวิธีแบบไหนบ้าง?
1.ยกกระชับหน้าด้วยฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์เป็นที่นิยม และเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับคนที่รักสวยรักงามในยุคปัจจุบัน เป็นหัตถกรรมที่ใช้การเติมเต็มบนผิวหน้าซึ่ง สามารถนำมายกระชับใบหน้าได้อีกด้วย โดยใช้เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์แบบกระชับใบหน้า เพื่อทดแทนไขมันที่ขาดหายไป เมื่ออายุมากขึ้นทำให้เกิดความหย่อนคล้อยของใบหน้าและผิว การเลือกฉีดฟิลเลอร์จะช่วยเข้าไปทดแทนและเติมเต็มไฮยาลูรอน ใต้ผิวที่เสื่อมสลาย โดยฟิลเลอร์จะมีเนื้อเข้มข้นกว่าฟิลเลอร์ชนิดอื่นๆ ฉีดไปเพื่อทดแทนไขมันและมวลกระดูกที่ฝ่อตัวลง และยังช่วยพยุงโครงหน้าให้เกิดการยกกระชับกลับมาดู อ่อนกว่าวัยและดูอิ่มเอิบอีกด้วยค่ะ
2.ยกกระชับหน้าด้วยการร้อยไหม
การร้อยไหมเป็นวิธีที่หลายคนนิยมเลือกใช้เพราะสามารถละลายไหมได้จำนวนหลายเส้นที่เดียว เมื่อเข้าไปใต้ผิวหนัง และยังแก้ปัญหา เรื่องใบหน้าหย่อนคล้อย ริ้วรอย เหี่ยวย่น ได้อีกด้วยจะทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่รอบเส้นไหม ส่งผลให้ผิวหน้าถูกดึงรั้งจนเต่งตึง และยังช่วยให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงบริเวณที่ร้อยไหมอีกด้วย วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่ มีเนื้อเยื่อไม่ยุบตัวหรือผิวหน้าไม่หย่อนคล้อยมากเกินไป
3.ยกกระชับหน้าด้วยโบท็อกซ์
โบท็อกซ์ เป็นโปรตีนบริสุทธิ์ เป็นตัวยาที่ใช้ในการออกฤทธิ์ ในการทำงานของกล้ามเนื้อเล็กๆ ที่ทำให้เกิดริ้วรอยย่นคลายตัว นอกจากนี้โบท็อกซ์จะช่วยปรับแต่งแก้ไขข้อบกพร่องใบหน้าในส่วนต่างๆ ให้ดูดีและดูเรียวยาวขึ้น ช่วยยกกระชับใบหน้าให้เต่งตึงขึ้นอีกด้วย การฉีดโบท็อกซ์เพื่อยกกระชับ ต้องปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เท่านั้น หลังจากฉีดหนึ่งสัปดาห์จะรู้สึกว่าใบหน้าตึงกระชับขึ้น และรูขุมขนดูเล็กลงอีกด้วย
4.ยกกระชับหน้าด้วยการศัลยกรรม
การดึงหน้าด้วยการทำศัลยกรรม เป็นการแก้ปัญหาที่เห็นผลทันตา และแก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยที่ได้ผลมากที่สุด เลือกดึงหน้าได้ทั้งหมด หรือดึงหน้าเฉพาะจุด โดยใช้การเปิดผิวหนังเพื่อดึงเนื้อเยื่อชั้น SMAS ผิวหนังชั้นลึกสุด ขึงให้ตึง แล้วตัดผิวหนังที่เกินออกไป วิธีนี้จะอยู่ได้นานมากกว่า 5 ปีขึ้นไป หากดูแลตัวเองดีมีโอกาสกระชับได้นานถึง 10 ปี แต่ก็มีความเสี่ยงและเป็นอันตรายมาก เพราะระหว่างการทำอาจมีความเสี่ยงในการติดเชื้อและมีเลือดคลั่งได้
บทความที่น่าสนใจ : วิธีลบรอยสิว ด้วยวิธีไหนดีที่สุด
บทสรุป ยกกระชับหน้า ได้ผลจริงไหม
การยกกระชับใบหน้า เป็นทางเลือกสำหรับคนรุ่นใหม่ มีวิธียกกระชับใบหน้ามีหลากหลายวิธีให้คุณเลือก ไม่ว่าจะเป็นการร้อยไหม การฉีด Botox หรือการทำศัลยกรรม แล้วแต่ความเหมาะสม ที่คุณตัดสินใจเลยค่ะ หากคุณต้องการยกกระชับใบหน้าให้อยู่ได้ถาวรนานที่สุดเราแนะนำให้เลือกการทำศัลยกรรม เพราะการทำศัลยกรรมอยู่ได้นานมากกว่า 5 ปีขึ้นไปหากคุณดูแลดีก็อาจจะมีระยะเวลาที่นานกว่านั้น แต่มีความเสี่ยงพอสมควรแนะนำควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่านั้น เพื่อได้ผลลัพธ์ที่ดีกับผู้เข้ารับริการเอง รับรองเลยว่าบทความของเราจะมีประโยชน์ให้กับคุณได้อย่างแน่นอนค่ะ
