ดอลลี่อาย (Dolly Eyes) เป็นการทำศัลยกรรมรอบดวงตา แบบดาราเกาหลี โดยการฉีดสารเติมเต็มเข้าไป ทำให้ส่วนขอบตาล่างดูหนาขึ้นให้ตาดูสวยกลมโต ดูหวานอ่อนกว่าเยาว์อีกด้วย และมีความน่ารักมากขึ้นกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ผู้หญิงเอเชียตอนนี้ โดยเฉพาะประเทศเกาหลีและประเทศญี่ปุ่นในประเทศไทยก็กำลังได้รับความนิยมเช่นกัน แต่หลายคนก็ยังสงสัยอยู่ว่าการทำ ดอลลี่อาย ต้องผ่าตัดหรือไม่ หรือต้องเตรียมตัวอย่างไรทั้งก่อนทำและหลังทำ มีอะไรบ้างที่ต้องระวัง? ราคาเริ่มต้นที่เท่าไร วันนี้บทความของเรามีคำแนะนำ ดีๆมาฝากด้านล่างค่ะ รับรองเลยว่าไขข้อสงสัยทุกอย่างที่คุณข้องใจได้อย่างแน่นอนค่ะ เป็นข้อมูลสำคัญที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจทำดอลลี่อาย เพื่อปรับดวงตาให้ดูมีเสน่ห์ สวยแบบสาวเกาหลี การฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย เหมาะกับใครบ้าง? การทำดอลลี่อาย สามารถทำได้ทุกเพศไม่ใช่แค่ผู้หญิงอย่างเดียวค่ะ ดอลลี่อายผู้ชาย ก็ทำได้ค่ะ และกำลังได้รับความนิยม ทำออกมาแล้วจะดูหน้าหวานขึ้น แต่การฉีดดอลลี่อาย ไม่สามารถฉีดได้กับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ หรือคุณแม่ที่ให้นมบุตรอยู่ และผู้ที่มีผิวหนังอักเสบไม่สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ ส่วนผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อน ผู้ที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับใครบ้างมีดังนี้
- สำหรับผู้ที่ต้องการให้ใบหน้าดูเด็ก
- ผู้ที่ต้องการให้ตามีความหวานขึ้น
- สำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาหน้าโทรม ทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น
ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ ดอลลี่อาย
การฉีดดอลลี่อาย เป็นเรื่องสำคัญที่คุณต้องรู้จักวิธีเตรียมตัวก่อน เพราะสามารถลดอาการข้างเคียงได้ เนื่องจากการฉีดบริเวณใต้ตามีเส้นเลือดอยู่มาก จะเกินรอยช้ำได้มากกว่าที่อื่น แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน จะสามารถทำให้โอกาสเกิดรอยช้ำน้อยลงได้ ก่อนฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย มีการเตรียมตัวดังนี้
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน ว่าดวงตาของคุณสามารถทำดอลลี่อายได้ไหม แล้วการรักษาจะออกมาประมาณไหน ราคาประมาณเท่าไหร่ เพื่อให้ดวงตาดูสวยและดูดีทั้งสองข้าง
- หากมีโรคประจำตัวให้แจ้งแพทย์ หรือแพ้ยา แพ้อาหาร หากกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรจะทำดอลลี่อายไม่ได้
- หยุดทานอาหารเสริม หรือสารที่ทำให้เลือดแข็งตัวก่อนในช่วงที่ต้องการทำดอลลี่อาย และยาแก้ปวดทั้งแอสไพริน และ NSAIDS ก่อนฉีดดอลลี่อาย 1 สัปดาห์ แต่ถ้าเป็นยาที่แพทย์สั่งควรปรึกษาแพทย์ก่อน
- งดยาทา ที่ทำให้เกิดอาการผลัดเซลล์ผิว ก่อนฉีด 1 สัปดาห์
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดก่อนการฉีดดอลลี่อาย 24 ชั่วโมงและงดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น การออกกำลังกายเป็นต้น
- ใส่คอนแทคเลนส์ ไม่แต่งหน้า ในวันที่ต้องการฉีด
ข้อควรปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย
หลังการฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย ก็เป็นเรื่องที่สำคัญที่คุณต้องดูแลเพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็ว ทำให้ผลการฉีดอยู่ได้ยาวนาน โดยมีข้อปฏิบัติดังนี้
- ไม่ควรกด นวด คลึง บริเวณใต้ตาในช่วง 2 สัปดาห์แรก
- ดื่มน้ำมากๆ เพื่อทำให้อาการบวมลดลง ประมาณ 2-3 ลิตร ต่อวัน
- ไม่แนะนำให้ประคบเย็น และประคบร้อน เพราะอาจจะทำให้ฟิลเลอร์ไม่เกาะกับผิว ส่งผลให้ดอลลี่อายไม่สวยได้นั่นเอง แต่ถ้าต้องการสามารถปรึกษาแพทย์ก่อนได้ค่ะ
- งดกิจกรรมต่างๆ ที่เจอแสงแดด ใช่ช่วง 2 สัปดาห์แรก เช่นการเข้าเตาเพื่อทำอาหาร การเข้าเซาน์น่า หรืออื่นๆ
- หากมีความผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เช่นรู้สึกเจ็บมากกว่าปกติ มีอาการอักเสบและเป็นหนอง มองเห็นผิดปกติ ควรแจ้งแพทย์ให้เร็วที่สุด
- ช่วงที่ทำงดการทำเลเซอร์ อย่างน้อย 1 เดือน เพราะความร้อนจะทำให้ฟิลเลอร์สลายได้เร็ว
- งดการออกกำลังกาย หนักๆ ก่อนในช่วง 2 สัปดาห์แรก
- ไม่ควรทานอาหารที่มีรสจัด อาหารหมักดอง อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฯลฯ
การทำดอลลี่อายมีกี่แบบ
1. ดอลลี่อายด้วยฟิลเลอร์
เป็นการฉีดฟิลเลอร์ หรือใช้สารเติมเต็ม Hyaluronic acid เข้าไปที่บริเวณขอบตาล่าง เพื่อเพิ่มวอลลุ่มให้ดูหนาและเต่งตึงขึ้น ปริมาณที่ฉีดจะใช้ประมาณ 1 cc และการฉีดฟิลเลอร์ จะช่วยทำให้ริ้วรอยรอบดวงตา ตื้นขึ้นด้วย และบริเวณผิวรอบดวงตาก็เต่งตึงขึ้นอีกด้วยค่ะ ข้อดี คือไม่ต้องพักฟื้น และใช้เวลาทำไม่นาน ไม่เป็นแผล
2.ทำดอลลี่อายด้วยการผ่าตัด
การเลือกทำดอลลี่อายด้วยการผ่าตัด สามารถเลือกทำคู่ไปกับตาสองชั้นได้เลย หรือการแก้ไขถุงใต้ตาก็ได้ค่ะ เป็นการผ่าตัดครั้งเดียวแต่สวยได้ที่เดียวจบ โดยแพทย์ จะทำการเปิดแผลแนวชิดขอบตาด้านล่าง จากนั้นใช้เนื้อเยื่อของคนไข้หรือเนื้อเยื่อเทียมก็ได้ค่ะ การผ่าตัดดอลลี่อาย จะใช้ยาชาเท่านั้น ข้อดีสามารถตกแต่งรูปได้ตามที่ต้องการ ข้อเสียต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงเท่านั้น
บทความที่น่าสนใจ : 5 อันดับ “สครับขัดผิว” ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส
บทสรุปการทำ ดอลลี่อาย
การทำดอลลี่อาย กำลังเป็นเทรนที่ฮิตมากๆในตอนนี้ และยังมีวิธีการทำที่ทันสมัยปลอดภัยอีกด้วยค่ะ แต่ต้องเลือกทำคลินิกที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐานเท่านั้น พร้อมปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์คนไข้จะได้รับข้อมูลและคำแนะนำที่ดีค่ะ ราคาเริ่มต้นเพียง 5,000 บาท โดยเราแชร์วิธีการทำและการเตรียมตัวทั้งก่อนทำและหลังทำไว้ด้านบนหมดแล้วค่ะ สามารถใช้บทความของเราให้เป็นประโยชน์ได้เลยค่ะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะคะ